สื่อการเรียน Phonics1
Basic Phonogram เสียงของตัวอักษร
Letters sounds
เริ่มจากฟังเสียงของตัวอักษรทีละตัวแล้วออกเสียงตาม จำเสียงและออกเสียงตัวอักษรได้แล้วจึงจะฝึกแยกหน่วยเสียง
โฟนิกส์ (Phonics) คือ วิธีการเรียนอ่านและเขียนภาษาอังกฤษด้วยการเชื่อมหน่วยเสียง (Phoneme) และสัญลักษณ์ที่ใช้แทนเสียงหรือตัวอักษร (Grapheme) เข้าไว้ด้วยกันเพื่อผสมเป็นคำ
โฟนิกส์ (Phonics) ถือเป็นวิธีการเรียนการสอนอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษที่มีประสิทธิภาพและกำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างยิ่งในขณะนี้ โฟนิกส์จะเน้นไปที่เสียงของแต่ละตัวอักษร (Letter Sound) รวมถึงความสัมพันธ์ของเสียงและตัวอักษรต่าง ๆ เพราะเมื่อรู้จักเสียงของตัวอักษรแล้ว เด็ก ๆ หรือผู้ที่ต้องการเริ่มต้นอ่านภาษาอังกฤษก็จะสามารถใช้เสียงของพยัญชนะต่าง ๆ เป็นพื้นฐานในการ “ถอดรหัส” (Decode) ผ่านการประสมเสียง Letter Sound หรือที่เรียกว่า “Blending” เพื่ออ่านคำศัพท์ภาษาอังกฤษใหม่ ๆ หรือคำที่ไม่คุ้นเคยได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องอาศัยการท่องจำเป็นหลัก
ตัวอย่างเช่น ในการเรียนภาษาอังกฤษแบบดั้งเดิมที่หลายคนอาจคุ้นเคย เรามักจะอ่านออกเสียงด้วยการสะกดพยัญชนะและสระแต่ละตัว เช่น คำว่า “BAT” หลายคนคงเรียนโดยการท่องจำว่า บี-เอ-ที อ่านว่า แบท แต่สำหรับการเรียนแบบโฟนิกส์ (Phonics) นั้น ผู้เรียนจะถอดเสียงของพยัญชนะแต่ละตัวเพื่อนำมาประสมกัน ได้แก่ เบอะ (B) + แอะ (A) + ทึ (T) ซึ่งจะเห็นได้ว่าเมื่ออ่านเร็ว ๆ ก็จะอ่านได้เป็นคำว่า “แบท”
การเทียบเสียงโฟนิกส์ (Phonics) ภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย
แนวทางการฝึกอ่านแบบโฟนิกส์ (Phonics)
ภาษาอังกฤษมี 26 ตัวอักษร ที่ประกอบไปด้วยพยัญชนะ (Consonant) 21 ตัว และสระ (Vowel) 5 ตัว แต่เสียงในภาษาอังกฤษนั้นมีถึง 44 เสียง เราลองมาทำความรู้จักกับแนวคิดหลักที่เกี่ยวข้องกับโฟนิกส์กัน
Phoneme คืออะไร?
Phoneme (อ่านว่า โฟนีม) คือ หน่วยย่อยที่สุดของเสียง ซึ่งทำให้เราสามารถแยกความแตกต่างของคำออกจากกันได้ โดยบาง Phoneme อ่านมาจากตัวอักษรเดียว ขณะที่ Phoneme อื่น ๆ อาจเกิดจากการรวมกันของตัวอักษร 2 หรือ 3 ตัวก็ได้ วิธีการอ่านแบบโฟนิกส์ก็คือการ (Blending) หรือนำเอาแต่ละ Phoneme มาประสมกันเป็นคำนั่นเอง
Grapheme คืออะไร?
Grapheme (อ่านว่า กราฟีม) หมายถึง ตัวอักษรหรือสัญลักษณ์ของที่ใช้แทนเสียง (Phoneme) ซึ่งอาจเป็นตัวอักษรหนึ่งตัวหรือหลายตัวมาผสมกัน
Digraph คืออะไร?
Digraph หมายถึง ตัวอักษร 2 ตัวที่อยู่ติดกันแล้วเกิดเสียงใหม่ (เช่น ee ออกเสียงว่า “อี” แทนที่จะเป็น “เอะเอะ”)
Trigraph คืออะไร?
Trigraph หมายถึง ตัวอักษร 3 ตัวที่อยู่ติดกันแล้วเกิดเสียงใหม่ (เช่น igh ออกเสียงว่า ‘ไอ’ แทนที่จะเป็น “อิเกอะฮะ”)
Split Digraph คืออะไร?
Split Digraph (บางครั้งอาจเรียกว่า “Magic E”) คือ ตัวอักษร 2 ตัวที่ออกเสียงเดียว (Digraph) แต่ถูกแยกออกจากกันด้วยพยัญชนะ เช่น Cake (a-e)
ดังนั้น แทนที่จะท่องจำคำศัพท์ต่าง ๆ แยกกันเป็นคำ ๆ เด็ก ๆ จะได้เรียนวิธีถอดรหัสการอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษผ่านโฟนิกส์
วิธีฝึกสะกดคำ
1.IDENTIFICATION & ISOLATION
Identification & Isolation คือความสามารถในการระบุและแยกแยะหน่วยเสียงย่อยว่าอยู่ส่วนไหนของคำ
ตัวอย่าง นักเรียนควรจะระบุได้ว่า BAT ขึ้นต้นด้วยเสียง /b/ เบอะ (เสียงพยัญชนะต้น) /t/ ทึ เป็นเสียงสะกด
2.BLENDING
Blending คือความสามารถในการผสมเสียงเพื่ออ่านออกเป็นคำ ตัวอย่าง นักเรียนจะสามารถสะกดคำว่า ‘BAT’ ได้ถ้ารู้ว่าต้องรวมเสียง /b//a/ /t/ เบอะ แอะ ทึ แบท เข้าด้วยกัน.
ทักษะนี้เป็นทักษะสำคัญที่จะทำให้นักเรียนสามารถอ่านได้อย่างคล่องแคล่ว เพราะเมื่อสามารถผสมเสียงอ่านเป็นคำได้ ก็จะทำให้การอ่านเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นตามไปด้วย
3.SEGMENTING
Segmenting นั้นมีความหมายตรงกันข้ามกับ Blending ซึ่งก็คือการแยกเสียงของคำออกเป็นหน่วยเสียงย่อยที่เล็กที่สุด ตัวอย่าง เมื่อนักเรียนสามารถแยกเสียงของคำว่า BAT ออกเป็นเสียง /b/ /a/ /t/ ทักษะนี้จะช่วยให้นักเรียนสามารถสะกดคำได้ รวมไปถึงเรียนรู้คำใหม่ๆและไม่คุ้นเคยได้
My Home
Consonant Digraphs คอนโซแนน ไดกราฟ
คือ Consonants (ตัวอักษรที่ไม่ใช่ a,e,i,o,u) ตั้งแต่ 2 ตัวขึ้นไปที่อยู่ติดกันแล้วออกเสียงเป็นเสียงใหม่ ไม่ได้เกิดจากเสียงของแต่ละอักษรมารวมกัน
ch ออกเสียง เฉอะ (เสียงหนักสั้นๆ) เช่น chip, chick, chin
sh ออกเสียง ชูว์ (ลากเสียงยาวๆ) เช่น ship, sheep, shop
wr ออกเสียง เหรอะ เช่น wrong, wrench
th ออกเสียง ธ (เกิดจากเป่าลมขณะที่ลิ้นอยู่ระหว่างฟันบนและฟันล่าง)
เช่น thorn, thick, thin
wh ออกเสียง เฮวอะ (/hw/) เช่น what, when, where
ck ออกเสียง เคอะ (เหมือนเสียงของตัว c และ k เดี่ยวๆ) เช่น sock, clock
ng ออกเสียง อึง เช่น king, wing, ring
ph ออกเสียง ฟ (เหมือนเสียงของตัว f) เช่น phone, digraph
Digraph เสียง ch sh th ng
chair kitchen
sh shampoo brush
bath
Vowel digraph
คือ vowel เสียงสระในภาษาอังกฤษ ที่เกิดจากตัวอักษร2ตัว(ซึ่งเป็นตัวอักษรที่เป็นสระอย่างน้อย1ตัว) อยู่ติดกันแล้วออกเสียงเป็นเสียงใหม่ เช่น aeอี auออ awออว eaแอ eeอี erเออร ewอีว eyอีย ieไอ irเออ oeโอ ouเอา oiออย oyออย ue urเออ
ให้นักเรียนฟังแล้วฝึกออกเสียงตาม
GAME MAGIC E
ay
ea
aw
au
a_e
ue
oy
ey
Work book Phonic2
Work sheet
ตารางสรุปการเทียบเสียง
Letters worksheet
Letter worksheet 2
Short a เสียง แอะ
Short e เสียง เอะ
Short i เสียง i
cvc
เสียง แอะ
เสียงเอะ
เสียง อิ